วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

รักษาโรคหัวใจด้วยการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของชีวิต



สำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจนั้นเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าคนปกติ เพราะอาจจะเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายแบบเฉียบพลันได้ ซึ่งการรักษาโรคหัวใจจะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ตลอด แต่ทว่าการใช้ชีวิตประจำวันก็สามารถรักษาโรคหัวใจได้เช่นกันหากปฏิบัติตัวอย่างถูกวิธี ซึ่งการเปลี่ยนวิถีชีวิตเล็กน้อยก็จะทำให้อาการของโรคหัวใจลดน้อยลง มีวิธีอะไรบ้างมาดูเลย

บริจาคเลือด
การบริจาคโลหิต ไม่เพียงผู้ให้ได้บุญกุศลที่สามารถต่อชีวิตให้กับบุคคลอื่นได้เท่านั้น แต่การบริจาคโลหิตยังส่งผลดีต่อร่างกาย และหัวใจของผู้บริจาคเองอีกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากการลดลงของระดับเม็ดเลือด จะช่วยกระตุ้นให้ระบบการเผาผลาญสารอาหารดีขึ้น และสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์

กิจกรรมบนเตียง
ในขณะที่เราตื่นเต้นมาก ๆ ฮอร์โมนความเครียดจำนวนมากมายในร่างกายของเรา จะถูกสั่งให้หลั่งออกมา ซึ่งจะส่งผลให้หัวใจเต้นแรงและเร็วโดยไม่จำเป็น แต่ในทางตรงกันข้ามการร่วมรักหรือการมีเพศสัมพันธ์ที่ดี จะช่วยให้เซลล์กล้ามเนื้อสามารถจัดการกับฮอร์โมนความเครียดเหล่านั้นได้ ผลดีที่ได้รับก็คือเราจะรู้สึกจิตใจสงบผ่อนคลาย และหัวใจเต้นช้าลง

พักสายตาในยามบ่าย
ข้อดีของการนอนหลับยามบ่าย นอกจากจะช่วยเติมพลังให้กับสมองที่อ่อนล้าแล้ว  ยังสามารถทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจดีขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้จากงานวิจัยยืนยันว่า เพียงแค่เราได้งีบหลับพักสัก 30 นาที ในตอนบ่าย ๆ ร่างกายของเราจะรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น เหมือนกับได้นอนหลับพักผ่อนสัก 2 ชั่วโมงในตอนกลางคืนเลยทีเดียว

เลิกบุหรี่ตัวการร้ายฆ่าหัวใจ
เนื่องจากนิโคตินซึ่งเป็นสารพิษตัวสำคัญในบุหรี่ ออกฤทธิ์ทำลายระบบการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด ประกอบกับคาร์บอนมอนอกไซด์ก๊าซพิษที่อยู่ในควันบุหรี่ จะเข้าไปแย่งที่ของออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับออกซิเจนน้อยลง อีกทั้งสารพิษบางตัวที่อยู่ในควันบุหรี่ยังทำลายการดูดซึมวิตามินบี 1, วิตามินซี และกรดอะมิโน ซึ่งจะส่งผลให้หัวใจอ่อนแอและก่อให้เกิดโรคหัวใจตามมา


จากหลักฐานการวิจัยพบว่าคนสูบบุหรี่ที่มีอายุระหว่าง 35-45 ปี มีอันตราการตายด้วยโรคหัวใจสูงกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ 3-4 เท่า นอกจากนี้ยังพบว่าทารกที่เกิดจากหญิงที่สูบบุหรี่จัด มักจะมีระบบการหายใจล้มเหลวอย่างเฉียบพลันในขณะแรกเกิด หรือที่เรียกว่า ทารกหลับตาย อย่างไรก็ดี หากทารกรอดชีวิตมาได้ก็จะมีสุขภาพไม่แข็งแรง มักเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคของระบบทางเดินหายใจ และอาจมีพัฒนาการทางสติปัญญาช้าลงอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น