สำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจนั้นเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าคนปกติ
เพราะอาจจะเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายแบบเฉียบพลันได้ ซึ่งการรักษาโรคหัวใจจะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ตลอด
แต่ทว่าการใช้ชีวิตประจำวันก็สามารถรักษาโรคหัวใจได้เช่นกันหากปฏิบัติตัวอย่างถูกวิธี
ซึ่งการเปลี่ยนวิถีชีวิตเล็กน้อยก็จะทำให้อาการของโรคหัวใจลดน้อยลง
มีวิธีอะไรบ้างมาดูเลย
บริจาคเลือด
การบริจาคโลหิต
ไม่เพียงผู้ให้ได้บุญกุศลที่สามารถต่อชีวิตให้กับบุคคลอื่นได้เท่านั้น
แต่การบริจาคโลหิตยังส่งผลดีต่อร่างกาย และหัวใจของผู้บริจาคเองอีกด้วย
ทั้งนี้เนื่องจากการลดลงของระดับเม็ดเลือด
จะช่วยกระตุ้นให้ระบบการเผาผลาญสารอาหารดีขึ้น
และสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์
กิจกรรมบนเตียง
ในขณะที่เราตื่นเต้นมาก ๆ
ฮอร์โมนความเครียดจำนวนมากมายในร่างกายของเรา จะถูกสั่งให้หลั่งออกมา
ซึ่งจะส่งผลให้หัวใจเต้นแรงและเร็วโดยไม่จำเป็น แต่ในทางตรงกันข้ามการร่วมรักหรือการมีเพศสัมพันธ์ที่ดี
จะช่วยให้เซลล์กล้ามเนื้อสามารถจัดการกับฮอร์โมนความเครียดเหล่านั้นได้
ผลดีที่ได้รับก็คือเราจะรู้สึกจิตใจสงบผ่อนคลาย และหัวใจเต้นช้าลง
พักสายตาในยามบ่าย
ข้อดีของการนอนหลับยามบ่าย
นอกจากจะช่วยเติมพลังให้กับสมองที่อ่อนล้าแล้ว
ยังสามารถทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจดีขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้จากงานวิจัยยืนยันว่า เพียงแค่เราได้งีบหลับพักสัก 30 นาที ในตอนบ่าย ๆ
ร่างกายของเราจะรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น เหมือนกับได้นอนหลับพักผ่อนสัก 2
ชั่วโมงในตอนกลางคืนเลยทีเดียว
เลิกบุหรี่ตัวการร้ายฆ่าหัวใจ
เนื่องจากนิโคตินซึ่งเป็นสารพิษตัวสำคัญในบุหรี่
ออกฤทธิ์ทำลายระบบการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด ประกอบกับคาร์บอนมอนอกไซด์ก๊าซพิษที่อยู่ในควันบุหรี่
จะเข้าไปแย่งที่ของออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง
ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับออกซิเจนน้อยลง
อีกทั้งสารพิษบางตัวที่อยู่ในควันบุหรี่ยังทำลายการดูดซึมวิตามินบี 1, วิตามินซี
และกรดอะมิโน ซึ่งจะส่งผลให้หัวใจอ่อนแอและก่อให้เกิดโรคหัวใจตามมา
จากหลักฐานการวิจัยพบว่าคนสูบบุหรี่ที่มีอายุระหว่าง
35-45 ปี มีอันตราการตายด้วยโรคหัวใจสูงกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ 3-4 เท่า
นอกจากนี้ยังพบว่าทารกที่เกิดจากหญิงที่สูบบุหรี่จัด
มักจะมีระบบการหายใจล้มเหลวอย่างเฉียบพลันในขณะแรกเกิด หรือที่เรียกว่า ทารกหลับตาย
อย่างไรก็ดี หากทารกรอดชีวิตมาได้ก็จะมีสุขภาพไม่แข็งแรง
มักเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคของระบบทางเดินหายใจ และอาจมีพัฒนาการทางสติปัญญาช้าลงอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น