วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

รักษาโรคหัวใจก่อนที่จะเกิดอาการรุนแรง



นับว่าโรคหัวใจ เป็นโรคอันตรายที่คร่าชีวิตคนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก หลายคนคิดว่าโรคนี้เป็นภัยเงียบที่แทบจะไม่มีสัญญาณใด ๆ เตือนล่วงหน้า นั่นไม่จริงเลย ทั้งๆ ที่จริงแล้วสัญญาณเหล่านั้นเราสามารถสังเกตได้ง่ายมากเลยเชียวล่ะ อย่างเช่นอาการเจ็บหน้าอก ไม่ต้องถึงกับเจ็บมากจนทนไม่ไหวก็อาจจะเป็นสัญญาณของโรคหัวใจขาดเลือดได้เหมือนกัน บางคนรู้ตัวก็รักษาโรคหัวใจอย่างเคร่งครัด แต่บางคนรู้ตัวแต่ไม่ยอมรักษาโรคหัวใจ ซึ่งนั่นทำให้ชีวิตสั้นลง อย่างน้อยแม้เราจะอาจไม่สามารถป้องกันตัวเองจากโรคนี้ได้ 100 % แต่ก็จะสามารถสังเกตอาการเพื่อให้การรักษาโรคหัวใจทำได้ทันท่วงที ดีกว่าปล่อยให้สายเกินแก้

โดยในปัจจุบัน ประชาชนจำนวนมากรวมทั้งแพทย์และพยาบาลจำนวนมากกลัว โรคหัวใจ โดยเฉพาะโรคหัวใจที่อาจทำให้เสียชีวิตเฉียบพลัน (heart attack) ทำให้เวลามีอาการ เจ็บอก มักจะคิดว่าเป็นอาการ เจ็บหัวใจจากการขาดเลือด (ischemic cardiac pain หรือ ANGINA) จึงมักไปหาแพทย์โรคหัวใจ และแพทย์โรคหัวใจบางท่านมักจะนำผู้ป่วยไปตรวจพิเศษต่าง ๆ นานา แม้กระทั่งการลงเอยด้วยการสวนหัวใจซึ่งการตรวจพิเศษบางอย่าง เช่น การ วิ่งสายพาน (TREADMILL EXERCISE) การสวนหัวใจเป็นต้น มีอันตรายถึงชีวิตได้ โดยไม่ได้ซักถามอาการอย่างละเอียดหรือดูประวัติคนไข้มาก่อน  ซึ่งโรคหัวใจเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมากจะต้องวิจนิฉัยอย่างรอบคอบมากที่สุด เพื่อการรักษาที่ถูกต้องไม่เช่นนั้นตัวคนไข้จะเป็นอันตรายได้

โดยอาการเจ็บอก อาจจะใช่หรือไม่ใช่ อาการเจ็บหัวใจจากการขาดเลือดก็ได้ บางทีอาจจะแค่เป็นหืบหอบทั้งนี้จะต้องตรวจให้ละเอียดว่าเป็นโรคชนิดใดกันแน่ โดยทั่วไปคนที่จะเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือดเพราะหลอดเลือดหัวใจตีบมักมีอาการ เจ็บหัวใจนำมาก่อนเสมอ


อาการเจ็บหัวใจนี้  ซึ่งเป็นอาการที่จะวินิจฉัยได้จากประวัติของการเจ็บเป็นสำคัญ เพราะการตรวจร่างกายและการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจส่วนใหญ่จะเป็นปกติ การตรวจเลือดดูสารเคมีจากหัวใจ (CARDIAC ENZYMES) ทั้งหมดจะปกติ ดังนั้นแพทย์และประชาชนทั่วไปจึงควรรู้จักอาการเจ็บหัวใจว่าเป็นอย่างไร จะได้ทำการรักษาโรคหัวใจได้อย่างถูกต้อง

สุดยอดสมุนไพรรักษาโรคหัวใจ เห็ดหลินจิอ


หากดูจากสถิติของคนไทยที่เสียชีวิตเพราะโรคหัวใจแล้วน่าตกใจเหลือเกิน เพราะมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นทุกปีเลยทีเดียว ซึ่งเป็นสาเหตุการตายรองจากโรคมะเร็งและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ฉะนั้นสาเหตุน่าจะมาจากการใช้ชีวิตของคนที่เปลี่ยนไป มีการบริโภคของมัน ของหวานเพิ่มมากขึ้นแต่การออกกำลังกายน้อยลง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่างๆ นำพาซึ่งการเป็นโรคหัวใจในท้ายที่สุด หากว่าเป็นโรคหัวใจแล้วจะต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอีกทางเลือกที่จะช่วยเสริมสำหรับคนเป็นโรคหัวใจคือการทานสมุนไพรรักษาโรคหัวใจนั่นเอง


สมุนไพรที่ได้รับความสนใจจากนักวิจัยทั่วโลก  มีผลการศึกษาที่เป็นวิทยาศาสตร์ ทั้งประเทศจีน   ญี่ปุ่น  เพื่อไขปริศนาความเชื่อของแพทย์จีนโบราณที่ใช้เห็ดหลินจือรักษาโรคหัวใจ   โดยเฉพาะในประเทศรัสเซีย  ก็ได้ทำการวิจัยพืชสมุนไพร  21  ชนิด  ภายในศูนย์วิจัยโรคหัวใจแห่งชาติที่กรุงมอสโคว์  พบว่าเห็ดหลินจือมีฤทธิ์ต่อระบบการไหลเวียนของโลหิตและหัวใจได้อย่างกว้างขวาง   และมีประสิทธิภาพดีที่สุด  ตรงกับสรรพคุณยาของจีนโบราณที่ระบุไว้ในการบำรุงและรักษาโรคหัวใจทุกประการ   เพราะฉะนั้นไม่น่าแปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดที่ผ่านมาหมอจีนโบราณยังคงใช้เห็ดหลินจือรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจอย่าง ต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน   และเป็นเรื่องเชื่อถือได้   ส่วนในคนที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคหัวใจ   แพทย์จีนโบราณจะให้ใช้เห็ดหลินจือเพื่อบำรุงร่างกาย   และเป็นการป้องกันไม่ให้ป่วยเป็นโรคหัวใจได้โดยง่าย



โดยเห็ดหลินจือนั้นมีกรดที่เรียกว่า กาโนเดอริค ซึ่งเป็นสารสำคัญที่จะช่วยลดโรคความดันโลหิตสูงและโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดด้วย โดยจะทำหน้าที่ลดแรงเสียดทานนผนังของเส้นเลือด ทำให้ระบบเลือดไหลเวียนได้ดี ดังนั้นจึงมีการรับประทานสมุนไพรรักษาโรคหัวใจเห็ดหลินจือกันมากในผู้ป่วยโรคหัวใจ

สมุนไพรรักษาโรคหัวใจได้มากกว่าที่คิด



โรคหัวใจเป็นโรคที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด ใครๆ ก็สามารถเป็นได้เพราะปัจจุบันการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น การทานอาหารที่มากขึ้นหลงลืมการทานผักผลไม้และการออกกำลังกาย ทำให้ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคหัวใจกันเยอะทีเดียว ซึ่งจริงๆ แล้วการจะเป็นโรคหัวใจได้นั้น ส่วนใหญ่มีโรคอื่นๆ นำพาแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคเบาหวาน ฉะนั้นหากอยากห่างไกลโรคหัวใจต้องค่อยดูแลตัวเองอยู่เสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์หลีกเลี่ยงพวกไขมันและแป้ง หมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอก็จะช่วยได้
และยังมีอีกวิธีสำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจและคนที่ต้องการจะป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคนี้ นั่นคือการทานสมุนไพรรักษาโรคหัวใจ ไทยพื้นบ้านหลายๆชนิดมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และช่วยลดการเกาะตัวเป็นลิ่มเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจหรือหลอดเลือดกัวใจตีบนั้นเอง
1. กระเทียม
สมุนไพรบำรุงหัวใจอันดับหนึ่งยกให้กระเทียม กระเทียมกลีบเล็กๆ นี้ช่วยลดโอกาสการอุดตันของไขมันในหลอดเลือด หากใส่กระเทียมลงไปในอาหารที่มีน้ำมัน เช่น ผัดต่างๆ จะช่วยลดการอุดตันของไขมันในหลอดเลือดลงได้ถึงร้อยละ 50
2. ขิง
เป็นสมุนไพรฤทธิ์อุ่นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น ขิงยังช่วยลดโอกาสการก่อตัวของ fibrin โปรตีนชนิดหนึ่งที่ทำให้โลหิตแข็งตัวหรือจับตัวเป็นลิ่มเลือดซึ่งจะไปอุด หลอดเลือด
3. พริก
กินทุกวันช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง เพราะช่วยทำให้การไหลเวียนเลือดสมดุล ช่วยบรรเทาอาการใจสั่น แต่อย่าปรุงจนรสจัดเกินไป
4. ใบแปะก๊วย

แม้สมุนไพรชนิดนี้จะมีชื่อเสียงเรื่องสมอง แต่ก็มีรายงานว่าช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดแดง หลอดเลือดดำ และหลอดเลือดฝอย จึงช่วยลดการเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้

สัญญาณเงียบอันตรายบ่งบอกว่าคุณเป็นโรคหัวใจ



ในแต่ละปีโลกต้องสูญเสียประชากรจากการเป็นโรคหัวใจเยอะมากเลยทีเดียว ทั้งนี้ส่วนใหญ่ตายเพราะไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคหัวใจ และไม่ได้รับการรักษาโรคหัวใจอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน จริงๆ แล้วหากรู้ตัวว่าเป็นโรคหัวใจ สามารถรักษาและป้องกันได้ แต่หากใครไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นหรือเปล่าลองสังเกตร่างกายตัวเองดู ว่ามีสัญญาณเหล่านี้หรือไม่


โรคหัวใจนั้นเป็นโรคที่อยู่ใกล้ตัวคนเรามากกว่าที่คิด ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะสังคมที่เปลี่ยนไปทำให้วิถีการใช้ชีวิตของคนต้องแข่งกับเวลามากขึ้นจนอาจจะลืมนึกถึงเรื่องสุขภาพซึ่งเปนสิ่งที่สำคัญมากที่สุดไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตนเองเจ็บป่วยไปเสียแล้ว ยิ่งโดยเฉพาะโรคหัวใจ ที่ถือเป็นภัยเงียบที่ร้ายแรง ไม่แสดงอาการให้เห็นในเริ่มแรก และอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างก็ยากที่จะบอกได้ว่าเรากำลังเผชิญกับโรคหัวใจ และวันนี้กระปุกดอทคอมก็ได้นำอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บ่งบอกถึงสัญญาณของโรคหัวใจที่เว็บไซต์ Reader's Digest บอกไว้มาฝากกัน ใครที่มักจะละเลยสุขภาพตัวเองอยู่เป็นประจำรีบหันกลับมาสังเกตตวเองกันได้แล้ว ก่อนที่จะสายเกินไป


อ่อนเพลียมาก
ดอกเตอร์ Stacey E. Rosen แพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านระบบหลอดเลือดหัวใจในผู้หญิงจาก North Shore-LIJ Health System ได้เปิดเผยว่าอาการโรคหัวใจที่พบได้ทั่วไปมากที่สุดโดยเฉพาะในเพศหญิงที่มีอาการหัวใจวายพบว่า ผู้ที่มีอาการหัวใจวายนั้นจะรู้สึกเหนื่อยจนไม่สามารถทำกิจวตรของตัวเองได้ตามปกติ เพราะเมื่อเกิดอาการหัวใจวาย ระบบไหลเวียนของเลือดจะลดลง ทำให้เกิดภาวะตึงเครียดในกล้ามเนื้อซึ่งจะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียได้ ดังนั้นหากเกิดอาการอ่อนเพลียมากผิดปกติก็ควรที่จะไปพบแพทย์เพือทำการตรวจวินิจฉัยให้แน่ใจจะดีกว่าระวังไว้ป้องกันหัวใจวาย


มีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงบริเวณหลัง แขน หรือหน้าอก
อาการเจ็บปวดบริเวณหลัง หน้าอก หรือแม้แต่แขน มักจะเป็นสัญญาณเงียบของอาการหัวใจวาย เพราะเมื่อเซลล์กล้ามเนื้อเริ่มขาดออกซิเจนจะส่งผลให้เกิดอาการเจ็บปวด ซึ่งเมื่อเกิดอาการหัวใจวาย หลอดเลือดหัวใจจะถูกปิดกั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ออกซิเจนในเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ และอาการนี้จะส่งสัญญาณไปยังสมอง แต่สมองจะเกิดการสับสนจนทำให้เกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่บรเวณอื่นไม่เพียงแต่บริเวณหน้าอกเท่านั้น ซึ่งอาการเหล่านี้คนเรามักจะคิดว่าเกิดจากการออกกำลังกายอย่างหนักไม่ใช่อาการของหัวใจวาย จนทำให้กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป ฉะนั้นไม่ควรชะล่าใจ หากเกิดอาการเจ็บปวดบริเวณดังกล่าวควรจะรีบไปพบแพทย์เพื่อความปลอดภัย



โรคหัวใจสังเกตง่ายจากร่างกายเรา




ปัจจุบันมีผู้คนทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคหัวใจเยอะมาก ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตรองจากมะเร็งและอุบัติเหตุเลย ซึ่งรู้กันดีว่าหัวใจของเรานั้นมีความสำคัญมากขนาดไหน เพราะหากหัวใจหยุดเต้นลมหายใจก็จะหมดไปด้วย ดังนั้นหัวใจเปรียบเสมือนเครื่องจักรที่ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา มีหน้าที่สูบฉีดเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย

หัวใจของเราทุกคนนั้นมีสี่ห้องแบ่งเป็นซ้ายและขวาอย่างละสองห้อง ด้านบนจะเป็นกล้ามเนื้อหัวใจ ด้านล่างจะเป็นลิ้นหัวใจซึ่งทำหน้าที่ฟอกเลือดไปยังส่วนต่างๆ หลอดเลือดที่จะสูบฉีดเลือดไปยังปอด เพื่อฟอกเลือดเสียให้ได้รับออกซิเจน หลังจากที่เลือดได้รับการฟอกแล้ว มันจะส่งกลับมายังหัวใจซีกซ้าย เพื่อสูบฉีดไปยังอวัยวะต่างๆ ต่อไป

ในทุกๆ วัน ที่เรายังมีชีวิตอยู่ หัวใจของคนเราจะเต้นประมาณหนึ่งแสนครั้งและสูบฉีดเลือดประมาณวันละสองพันแกลลอนอาการผิดปกติเบื้องต้น ของหัวใจและร่างกาย ซึ่งอาจะเป็นข้อบ่งชี้ว่า มีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ สามารถแบ่งได้หลายชนิด ดังนี้

1.มีอาการเหนื่อยเวลาออกกำลังกาย หรือต้องใช้แรงมากๆ คล้ายกับคนเป็นหอบ นั่นก็เป็นเพราะว่าหัวใจทำหน้าที่ในการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำงานหนักมากขึ้นกว่าปกติ แม้ออกกำลังกายเพียงเล็กน้อย จะรู้สึกเหนื่อยผิดปกติ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

2.เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก มักพบบ่อยในคนที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และไขมันอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ อาการดังกล่าว จะรู้สึกเหมือนหายใจอึดอัด และแน่นบริเวณกลางหน้าอกคล้ายๆ มีของหนักทับอยู่ โดยมากอาการนี้จะแสดงออกเวลาที่หัวใจต้องทำงานหนัก

3.มีอาการหอบจนตัวโยนหายใจติดขัด ซึ่งหากไม่รีบพบแพทย์โดยเร็ว และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีซึ่งอาการแบบนี้ อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้เพราะหัวใจวายเฉียบพลัน

4.ใจสั่นและหัวใจเต้นผิดจังหวะบ่อยครั้ง ปกติหัวใจของเราจะเต้นสม่ำเสมอประมาณ 60-100 ครั้งต่่อนาที แต่สำหรับคนที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจขยับไปถึง 150-250 ครั้งต่อนาทีไม่นับรวมการทานยาบางชนิดที่มีผลทำให้หัวใจสั่น

5.เป็นลมหมดสติอยู่บ่อยๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ เนื่องจากจังวะการเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ เพราะเซลล์ซึ่งทำหน้าที่ให้จังหวะไฟฟ้าในหัวใจเสื่อมสภาพ ส่งผลให้หัวใจเต้นช้าลง และส่งเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอจนทำให้เป็นลมไปชั่วคราวได้

 6.หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน มักเกิดจากความผิดปกติของเซลล์หัวใจโดยตรง และมักเกิดกับคนปกติที่ไม่มีอาการของโรคหัวใจมาก่อนล่วงหน้าเลย

7.ปลายมือ ปลายเท้า และริมฝีปากมีลักษณะเขียวคล้ำ แสดงให้เห็นว่า ทางเดินของเลือดในหัวใจ ห้องขวากับห้องซ้าย มีการเชื่อมต่ออย่างผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการผสมปนเปของเลือดแดงกับเลือดดำ





วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

วันนี้คุณรู้จักโรคหัวใจดีหรือยัง


ปัจจุบันนั้นโรคหัวใจเป็นอะไรที่ใกล้ตัวมากๆ เลย ดังนั้นจึงต้องระวังป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อนด้วยการรู้จักโรคหัวใจอย่างละเอียด เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจ เพราะว่าหัวใจของเรานั้นเป็นอวัยวะสำคัญมีกล้ามเนื้อเป็นส่วนประกอบ โดยหัวใจจะอยู่ใต้กระดูกของหน้าอกอยู่บริเวณกลางๆ หน้าอกหน่อยค่อนไปทางซ้าย


หัวใจของคนเรามีหน้าที่สูบฉีดโลหิตเพื่อนำพาออกซิเจนและธาตุอาหารไปยังทุกส่วนของร่างกาย หัวใจแบ่งออกเป็น 4 ห้อง มี 2 ห้องบน และ 2 ห้องล่าง หัวใจซีกขวารับโลหิตที่ใช้แล้วจากร่างกาย แล้วสูบฉีดไปยังปอดเพื่อรับออกซิเจน โลหิตที่มีออกซิเจนก็จะกลับไปยังหัวใจด้านซ้าย และก็จะถูกสูบฉีดโลหิตผ่านเส้นเลือดใหญ่ไปยังทุกส่วนของร่างกาย


ลิ้นปิดเปิดในหัวใจของคนมีสี่ลิ้น มีตำแหน่งอยู่ระหว่างหัวใจห้องบนและหัวใจห้องล่าง และที่เส้นเลือดหลักในหัวใจ ลิ้นหัวใจทำหน้าที่กั้นเพื่อให้การสูบฉีดโลหิตไหลไปในทิศทางเดียวในขณะที่ร่างกายหลับพักผ่อน หัวใจจะมีอัตราการเต้นประมาณ 60-100 ครั้งต่อนาที การเต้นหรือการบีบตัวแต่ละครั้งเกิดจากตัวกระตุ้นทางกระแสไฟฟ้าซึ่งถูกกระตุ้นโดยเซลล์พิเศษที่ชื่อ SA node กระแสไฟฟ้าที่ถูกกระตุ้นจาก SA node จะเดินทางผ่านชุดเส้นใยนำไฟฟ้าที่อยู่ทั่วทั้งห้องหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุของการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ


หลอดเลือดหัวใจ
เป็นอวัยวะอีกชิ้นที่สำคัญเพราะหัวใจต้องการออกซิเจนเช่นเดียวกับอวัยวะอื่นในร่างกาย เพื่อที่จะสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลอดเลือดหัวใจ นำโลหิตที่เต็มไปด้วยออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อหัวใจ หลอดเลือดหัวใจแตกแขนงมาจากหลอดเลือดแดงใหญ่ (Aorta) โดยหลอดเลือดหัวใจจะพาดอยู่บริเวณพื้นผิวของหัวใจ และจะแยกเป็นเส้นเลือดแขนงย่อยมากมายที่นำโลหิตไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ


โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
เป็นโรคที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจเลยล่ะ โดยปกติแล้ว ผนังภายในหลอดเลือดหัวใจจะมีลักษณะเรียบ การสะสมของชั้นไขมันและตะกอนอื่นๆ ซึ่งเรียกว่า ภาวะการสะสมไขมันภายในผนังหลอดเลือด นั้นเป็นผลเสียต่อหลอดเลือด เนื่องจากจะไปขัดขวางการไหลของโลหิต ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพที่ร้ายแรง เช่น อาการเจ็บที่หัวใจอย่างรุนแรง หรือหัวใจวาย

หากเปรียบเทียบง่ายๆ การสะสมไขมันหรือตะกอนในหลอดเลือดก็จะเหมือนกับการสะสมของคราบสนิมในท่อน้ำเก่าๆ มีเพียงโลหิตจำนวนน้อยท่านั้นที่จะไหลผ่านไปได้ จึงเป็นเหตุให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างความต้องการออกซิเจนของกล้ามเนื้อหัวใจ กับประสิทธิภาพของหลอดเลือดแคบๆ นี้


หัวใจขาดเลือดคืออะไรและสำคัญแค่ไหน
บอกเลยว่าสำคัญมากเมื่อหัวใจไม่ได้รับโลหิตที่มีออกซิเจนอย่างพอเพียง ก็จะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดที่เรียกว่าหัวใจขาดเลือด ซึ่งมีสาเหตุจากการกระตุกในหลอดเลือดหัวใจ อาการดังกล่าวเป็นการเตือนว่าหัวใจต้องการออกซิเจนมากขึ้น อาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในบริเวณหน้าอก ไหล่ หลังส่วนบน แขน คอ ในลำคอ หรือกราม เป็นต้น และอาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รู้สึกเครียด ขณะที่ใช้แรงมากในการทำกิจกรรม หรือหลังมื้ออาหารหนักๆ อย่าละเลยโรคหัวใจขาดเลือด การพักผ่อนและการรักษาด้วยยาเป็นวิธีที่ช่วยลดอาการหัวใจขาดเลือดอย่างได้ผลดีทีเดียว


วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

รักษาโรคหัวใจด้วยการดูแลตัวเอง



คงไม่มีใครอยากจะมาเป็นลมเป็นแล้งหมดสติในที่สาธารณะเพราะโรคหัวใจหรอกจริงมั้ย เชื่อว่าทุกคนก็ต้องการที่จะมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ดีกันทั้งนั้น แต่หากเมื่อเป็นโรคหัวใจแล้วจะต้องดูแลตัวเองมากกว่าคนอื่น กิจรรมที่เคยทำบางอย่างอาจจะต้องงด อย่างเช่นการเดินกลางแจ้งแดดร้อนเปรี้ยง เพราะอาจะทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ทัน งดกิจกรรมที่ทำให้เหนื่อยง่ายและที่สำคัญจะต้องพบแพทย์เป็นประจำอย่างได้ขาด เพราะคุณอาจจะเสี่ยงกับภาวะหัวใจขาดเลือดได้ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งของโรคหัวใจ
โรคหัวใจขาดเลือดเป็นอย่างไร


หากคุณกำลังเป็นโรคหัวใจขาดเลือด อาการเหมือนรู้สึกบีบรัด แน่น อึดอัด ที่ส่วนบนของร่างกายหรือหน้าอก จะเป็นอาการของโรคที่คุณต้องเผชิญ ซึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่มักเป็นในคนวัยทำงาน ผู้สูงวัย และมักมีอาการเมื่อเริ่มออกกำลังกาย แต่ก็จะทุเลาลงได้หากได้พักผ่อน สาเหตุของโรคเกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจแข็งตัว หรือมีไขมันไปเกาะผนังของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบลง ปริมาณเลือดแดงผ่านได้น้อย เป็นผลทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และหากหลอดเลือดแดงตีบแคบมากจนอุดตัน จะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายได้


การรักษาโรคหัวใจ

เมื่อเข้ารับการตรวจ และแพทย์พบว่า ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอกเนื่องมาจากความปกติของหลอดเลือดหัวใจ แพทย์อาจใช้วิธีง่าย ๆ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจวัดความดันโลหิต และตรวจวัดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดเพื่อหาสาเหตุและวิธีแก้ไข เมื่อตรวจวินิจฉัยเสร็จเรียบร้อยผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำให้เปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์บางอย่าง เช่น ถ้าเป็นสิงห์อมควันก็ต้องเลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่จะลดปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือด และทำให้หลอดเลือดตีบลง ดังนั้นการสูบบุหรี่จึงเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาโรคหัวใจ โดยอัตราความเสี่ยงแก่การเสียชีวิตจากโรคหัวใจวายในคนสูบบุหรี่มีมากกว่าคนที่ไม่สูบถึง 2 เท่า ซึ่งหากงดสูบบุหรี่ตั้งแต่ปีแรก ๆ ภายใน 3-5 ปี อัตราการเสี่ยงที่ว่าก็จะลดลงมากกว่าเดิม

ยาที่ใช้บ่อยในการรักษาโรคหัวใจ



สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจนั้นจะต้องได้รับการรักษาโรคหัวใจด้วยยาปฏิชีวนะอยู่ตลอด โดยยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคหัวใจมีอยู่มากมายหลายกลุ่มและแต่ละกลุ่มก็มีอยู่หลายชนิด และฤทธิ์ของยาแต่ละชนิดก็อาจใช้รักษาโรคหัวใจได้หลายแบบ เช่นใช้รักษาได้ทั้งโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและหัวใจวาย บางชนิดใช้รักษาได้ทั้งหัวใจเต้นผิดจังหวะและความดันโลหิตสูง ฯลฯ การจะใช้ยากลุ่มใดแพทย์จะพิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาของผู้ป่วยแต่ละรายไป ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะยาที่ถูกใช้บ่อยๆ

รักษาโรคหัวใจยาต้านเกร็ดเลือด (antiplatelet drugs) ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการทำงานของเกร็ดเลือดไม่ให้จับตัวกันเป็นกลุ่มก้อน ช่วยลดการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือด ตัวอย่างของยากลุ่มนี้คือ แอสไพรินซึ่งผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดจำเป็นต้องกินต่อเนื่องไปตลอดชีวิต ส่วนยา ticlopidine หรือ clopidogrel จะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถกินยาแอสไพรินได้เนื่องจากมีปัญหาโรคกระเพาะหรือเลือดออกในทางเดินอาหาร รวมทั้งอาจใช้ร่วมกับยาแอสไพรินในบางกรณี ปัญหาที่อาจพบจากยากลุ่มนี้คือการที่เลือดหยุดยากกว่าปกติเวลาได้รับอุบัติเหตุหรือมีบาดแผล

รักษาโรคหัวใจยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants) ยาในกลุ่มนี้คือ warfarin หรือ coumadin ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการจับตัวเป็นก้อนของเลือด มักใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะ กล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือลิ้นหัวใจตีบบางชนิด ช่วยลดโอกาสเกิดลิ่มเลือดในหัวใจหลุดไปอุดตันเส้นเลือดสมองซึ่งจะทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้ที่กินยากลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับการแข็งตัวของเลือดเป็นระยะเพื่อปรับขนาดยาให้เหมาะสม ถ้าระดับยาสูงเกินไปอาจทำให้เกิดเลือดออกในอวัยวะต่างๆได้ ยาในกลุ่มนี้มีปฏิกิริยากับยาหลายชนิดมากรวมทั้งอาหารและสารเสริมอาหารต่างๆ ซึ่งเป็นได้ทั้งทำให้ระดับยาในเลือดลดลงหรือเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่เป็นผลดีทั้งคู่ จึงควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าท่านกินยาในกลุ่มนี้อยู่ ไม่ควรซื้อยากินเองเด็ดขาดเพราะอาจจะเป็นอันตรายได้



วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

อาการที่อาจจะเกิดขึ้นหาเป็นโรคหัวใจ



โรคหัวใจถึงแม้จะร้ายแรงแต่หากรู้จักป้องกันและดูแลตัวเองก็สามารถมีชีวิตยืนยาวได้ ซึ่งมีวิธีป้องกันภาวะเฉียบพลันต่างๆ ได้หากลงสังเกตร่างกายตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งสัญญาณเตือนจากร่างกายจะทำให้ทราบว่าตอนนี้เป็นโรคอะไรอยู่บ้างหากใครยังไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจรึเปล่าลองสังเกตตัวเองดังนี้

มีอาการขาหรือเท้าบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อกดดูแล้วมีรอยบุ๋มตามนิ้วที่กดลงไป ซึ่งหากเกิดขึ้นกับใคร ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คโดยด่วน เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า เวลานี้คุณอาจอยู่ในภาวะหัวใจล้มเหลวโดยที่ไม่รู้ตัว

มีอาการปลายมือ ปลายเท้า และริมฝีปากมีลักษณะเขียวคล้ำ อาการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ทางเดินของเลือดในหัวใจห้องขวากับห้องซ้ายมีการเชื่อมต่อที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการผสมของเลือดแดงกับเลือดดํา และทําให้ปริมาณของออกซิเจนในเลือดมีปริมาณน้อยลง

การตรวจสุขภาพประจำปีช่วยลดความเสี่ยง
หลายคนกลัวไม่กล้าจะไปตรวจเพราะกลัวเป็นโรคนู้นโรคนี้ แต่อยากจะบอกว่าตรวจเถอะถ้าเป็นโรคอะไรขึ้นมาจะได้รักษาได้ทันท้วงทีอย่างเช่นหากพบว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจก็จะได้รู้วิธีการดูแลตัวเองหรือหากตรวจแล้วพบว่าเป็นเบาหวาน หรือมีไขมันในเลือดสูง ก็อาจสันนิษฐานได้ว่า มีความเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบได้เช่นกัน หรือเอ็กซเรย์แล้วพบว่า ขนาดของหัวใจโตกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว และกล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวอ่อนกำลังลง ทำให้ห้องต่างๆ ของหัวใจขยายขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งนี้ ในกรณีที่ตรวจพบว่ามีความเสี่ยงสูง ไม่ควรนิ่งนอนใจควรจะรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
วิธีป้องกันโรคหัวใจอย่างถูกวิธี

ข้อมูลที่ได้บอกไปข้างต้น เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า เรามีอัตราเสี่ยงสูงต่อการป่วยเป็นโรคหัวใจ เท่านั้น ซึ่งผู้ที่จะวินิจฉัยว่าเราเป็นโรคหัวใจ หรือไม่ คือแพทย์ โรคหัวใจ เท่านั้น ดังนั้นหากพบความผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนดีที่สุด สำหรับคนที่หัวใจยังเป็นปกติ เรามีข้อแนะนำในการดูแลหัวใจ สังเกตความผิดปกติของตัวเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน เช่น ดูว่าอัตราการเต้นของหัวใจปกติดีหรือไม่ เจ็บหน้าอก ใจสั่นบ่อยๆ หรือเปล่า เป็นต้น

ควรออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ สุขภาพจิตแจ่มใสแล้ว ยังช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดีขึ้นอีกด้วย ดูแลสุขภาพใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ พยายามไม่เครียด รู้จักควบคุมอารมณ์ และพึงระลึกไว้เสมอว่า ความเครียดและความโกรธ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้หัวใจเต้นแรง และทำงานหนักขึ้น รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยงดอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งทำให้ความดันโลหิตสูง เกิดภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบได้ง่าย และหันไปกินผักผลไม้ให้มากขึ้น
               



วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

อาการเริ่มแรกของโรคหัวใจ



ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจเยอะทีเดียว ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นแบบไม่รู้ตัว ไม่เคยไปตรวจพอเป็นแล้วก็ไม่ได้เอะใจว่าเป็นโรคหัวใจ ยังคงใช้ชีวิตแบบหนักหน่วงทำให้เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน กว่าจะรู้ตัวก็ไม่ทันเสียแล้ว


หัวใจเป็นอวัยวะที่เป็นกล้ามเนื้อ ถ้าเปรียบเทียบกับเครื่องจักรที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป มันก็คงทำงานเหมือนเครื่องปั้มน้ำ โดยมีหน้าที่สูบฉีดโลหิตไปยังอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย โดยในแต่ละวันที่เรามีชีวิตอยู่ หัวใจจะเต้นประมาณ 100,000 ครั้ง และสูบฉีดเลือดประมาณวันละ 2,000 แกลลอน หัวใจที่เปรียบดังเครื่องจักร มันก็ย่อมทำงานผิดปกติหรือเสื่อมถอยลงไปตามกาลเวลา ดังนั้น เพื่อเป็นการรู้เท่าทันว่าโรคหัวใจกำลังมาเยือน มาดูกันว่าโรคหัวใจ อาการเริ่มต้นเป็นยังไง


1.เจ็บหน้าอกเป็นพักๆ
โรคหัวใจ อาการเริ่มต้นจะเจ็บอวัยวะตั้งแต่ผิวหนังของทรวงอกไปจนผิวหนังของหลัง ทั้งนี้ อวัยวะในทรวงอก เช่น หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด เยื่อหุ้มปอด หลอดอาหาร หลอดเลือดแดงใหญ่ กระดูกหน้าอก กระดูกซี่โครง เต้านม กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก เมื่อมีโรคหรือการอักเสบก็อาจทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกได้เช่นกัน แต่ลักษณะอาการเจ็บหน้าอกจะแตกต่างกัน จึงต้องสังเกตดูให้ดีก่อนฟันธง อาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจ เจ็บแน่นๆ อึดอัด บริเวณกลางหน้าอก อาจจะเป็นด้านซ้าย หรือทั้งสองด้านส่วนใหญ่จะเจ็บด้านซ้าย บางรายจะร้าวไปที่แขนซ้าย หรือทั้งสองข้าง หรือจุกแน่นที่คอ อาการเจ็บหน้าอกจะเกิดในขณะออกกกำลัง เช่น วิ่ง เดินเร็วๆ รีบขึ้นบันได โกรธโมโห อาการดังกล่าวจะดีขึ้นเมื่อหยุดออกกำลัง หากเป็นโรคหัวใจ อาการเจ็บจะไม่เกิน 10 นาที สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง อาการแน่นหน้าอกอาจเกิดขึ้นในขณะพัก เช่น นั่ง นอน หรือหลังอาหาร พักไม่หาย อมยาก็ไม่หายปวด กรณีที่เกิดหลอดเลือดหัวใจอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อาการจะรุนแรงมาก อาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น เหงื่อออกมาก เย็นปลายมือปลายเท้า หน้ามืดเป็นลม หายใจลำบาก


2.ใจสั่นบ่อย

ใจสั่นหมายถึงการที่หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ผิดจังหวะ หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ เต้นๆหยุดๆ อาการดังกล่าวพบได้ในคนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ โรคปอด เกลือแร่ผิดปกติ ซึ่งการตรวจวินิจฉัยกลุ่มอาการใจสั่นเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่ายนัdเนื่องจากผู้ป่วยมักมีอาการชั่วขณะ เมื่อมาพบแพทย์อาการดังกล่าวก็หายไปแล้ว แพทย์จึงไม่สามารถให้การวินิจฉัยได้ว่าเกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือไม่ โดยแพทย์จะตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ซึ่งอาจจะปกติในขณะที่ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ดังนั้น ท่านควรศึกษาวิธีจับชีพจรตัวเอง เมื่อเกิดอาการว่าหัวใจเต้นกี่ครั้งในเวลา 1 นาที และสม่ำเสมอหรือไม่ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้รวดเร็วถูกต้อง 

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สมุนไพรโรคหัวใจช่วยรักษาและลดความเสี่ยงได้



หากจะพูดถึงโรคหัวใจแบบลึกๆ แล้วนั้น มีหลายประเภทแยกย่อยแตกแขนงไปเยอะมาก และหลายๆ โรคก็นำพาไปสู่โรคหัวใจได้หมด ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละคนด้วย ซึ่งโรคที่มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดโรคหัวใจมากที่สุดนั่นคือโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน


โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนั้นก็มาจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม เน้นทานแป้ง ไขมัน น้ำตาลมากกว่าจำพวกผัก ผลไม้ จึงทำให้เกิดโรคในที่สุด ซึ่งเมืองไทยเป็นเมืองร้อนไม่จำเป็นต้องทานของพวกนี้มากเพื่อสร้างความอบอุ่น อีกทั้งยังไม่ค่อยชอบออกกำลังกายอีกด้วยโดยเมื่อเป็นโรคอ้วน โรคอื่นๆ ก็ตามมาได้ง่าย


ข้อแนะนำที่สำคัญสำหรับหลีกเลี่ยงและรักษาสุขภาพจากโรคหัวใจ คือ ต้องมีโภชนาการที่ดีหลีกเลี่ยงไขมัน เน้นถั่ว งา ปลา ผัก ให้มากขึ้นในแต่ละมื้อ ออกกำลังกายให้เป็นนิสัย หรือเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิตประจำวัน ควบคุมหรือละเว้นพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ อาทิ บุหรี่ แอลกอฮอล์ พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าให้เกิดระดับความเครียดสูง การพักผ่อนอย่างเพียงพอช่วยลดความเครียดได้

ที่นี้ลองมารู้จักกับสมุนไพรรักษาโรคหัวใจกันบ้าง ของดีของไทยมีเยอะอย่างคาดไม่ถึงเชียวแหละหลักๆ ที่ฮิตทานกันก็มีกระเทียม เป็นสมุนไพรที่หาง่ายราคาถูกและทุกคนรู้จักกันดี สรรพคุณของกระเทียมนั้นก็เยอะเลยทีเดียวล่ะ เพราะช่วยในเรื่องของการบีบ คลายตัวของหัวใจ ช่วยขนายหลอดเลือดส่วนปลายให้ทำงานดียิ่งขึ้นและช่วยยับยั้งการแข็งตัวของหลอดเลือด กินกระเทียมสดวันละ 2-3 กลีบ จะช่วยให้หัวใจแข็งแรงได้ 

และสมุนไพรรักษาโรคหัวใจที่หาได้ง่ายได้อีกชนิดคือ ต้นหอม หอมแดง หอมหัวใหญ่ มีสารสำคัญคือฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยป้องกันไขมันไม่ให้เกาะตามผนังเส้นเสือด ช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคมะเร็งลำไส้ โรคมะเร็งตับ หรือใช้หอมหัวใหญ่นำมาคั้นเอาน้ำดื่มจะช่วยลดอาการอักเสบบวมหรือลดความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือดได้ และหอมหัวใหญ่ยังช่วยให้ผู้ที่กินเป็นประจำมีความจำดีขึ้นด้วย
  


    

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

รู้หรือไม่ผักสมุนไพรในครัวรักษาโรคหัวใจได้





เป็นที่รู้กันดีว่าหัวใจนั้นเป็นอวัยะหลักที่สำคัญมากๆ เพราะหากหัวใจหยุดเต้นนั่นหมายความว่าคุณไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว แต่หลายๆ คนเลยมักจะมองข้ามการดูแลรักษาหัวใจเพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว เป็นอวัยวะภายในที่มองไม่เห็นจึงไม่รู้ว่า ร่างกายใช้งานหัวใจหนักหนาแค่ไหน ฉะนั้นแล้วหันมาดูแลตัวเองสักนิดหรือหากใครกำลังเป็นโรคหัวใจอยู่ล่ะก็ลองมาอ่านข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับสมุนไพรรักษาโรคหัวใจกันดีกว่า หรือหากใครยังไม่เป็นก็อ่านเป็นความรู้เอาไว้ป้องกันตัวเอง


สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจนั้นควรเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อาหารประเภทไขมันสูง รสเค็มจัด หวานจัด ซึ่งทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดอุดตันได้ง่ายควรงดโดยเด็ดขาดเพราะยิ่งจะทำให้เสี่ยงต่อโรค  หันไปทานผักผลไม้จะดีที่สุดและต้องไม่ลืมทานสมุนไพรรักษาโรคหัวใจด้วย


ผักที่ช่วยบำรุงหัวใจได้ดีก็มีจำพวก ธัญพืชทั้งหลายเพราะมีไฟเบอร์ช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือดได้ดี หากเป็นผลไม้ไทยๆ ก็อย่างเช่นแตงไทยเพราะมีวิตามินเอสูงมากๆ มีวิตามินี ฟอสฟอรัสและแคลเซี่ยมซึ่งจะส่งผลดีต่อหัวใจโดยตร ง สมุนไพรไทยๆ อย่างกระเทียม ก็มีมีสรรพคุณในการดูแลหัวใจของเราโดยสารในกระเทียมนั้นสามารถลดปริมาณไขมันในเส้นเลือดได้ดีเครื่องเทศ อย่างพริก พริกไทย ดีปลีก็มีสารแคปไซซิน ที่ช่วยชะลอการเกาะตัวของลิ่มเลือด และเพิ่มการละลายของลิ่มเลือด จึงลดสาเหตุที่จะนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ดีนั่นเอง

วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สมุนไพรจีนเจียวกู้หลาน รักษาโรคหัวใจ


นับว่าเป็นโชคดีเพราะยังมีสมุนไพรรักษาโรคหัวใจอยู่บนโลก ซึ่งช่วยรักษาได้อีกทางหนึ่งเสริมจากกินยาตามปกติเพราะสมุนไพรเป็นของดีจากธรรมชาติจึงไม่เป็นอันตรายเมื่อทานคู่กับยา แต่ก่อนหน้าที่เราจะรู้จักสมุนไพรรักษาโรคหัวใจ เจียวกู้หลาน ลองมาทำความรู้จักกับโรคหัวใจกันก่อนว่า สาเหตุใดถึงทำให้เกิดโรคหัวใจ

โรคหัวใจขาดเลือดหรือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน เป็นโรคที่พบบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆในประเทศไทย โดยเฉพาะในขณะนี้พบว่าโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน เป็นสาเหตุ ที่ทำให้ มีจำนวนคนไทยเสียชีวิตมากเป็นอันดับสองรองจากการประสบอุบัติเหตุ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ท่าน ผู้อ่านควรมีความรู้ความเข้าใจ ถึงอาการ ที่สำคัญของโรคนี้

หลอดเลือดแดงที่เลี้ยงหัวใจจึงมีการตีบตัน ถ้าจะเปรียบไปแล้ว หลอดเลือดแดงที่เลี้ยงหัวใจก็เปรียบเหมือนกับท่อส่งน้ำหรือท่อระบายน้ำ ซึ่งเมื่อมีการใช้งานไปนานๆก็ย่อม เกิดการอุดตันขึ้น จากเศษตะกอนต่างๆ หลอดเลือดแดงของหัวใจก็เช่นเดียวกัน การตีบของหลอดเลือดแดงนั้น ส่วนหนึ่งเกิดเมื่อ คนเราอายุมากขึ้น โดยธรรมชาติ ผนังหลอดเลือดก็จะมีการหนาตัวขึ้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจึงเป็นโรคของผู้ใหญ่วัยกลางคน และวัยสูงอายุเป็นส่วนใหญ่ 

แต่ในคนบางคนมีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้ เมื่ออายุยังไม่มาก เนื่องจากมีปัจจัยบางประการที่ส่งเสริมให้ผนังหลอดเลือด มีการตีบและหนาตัวเร็วขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ได้แก่ ภาวะไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และบุหรี่ นอกจากนี้ ผู้ชายก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ มากกว่าผู้หญิง และผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้วก็มีโอกาสเป็นมากกว่าผู้หญิงที่ยังมีประจำเดือนอยู่ฉะนั้นสมนไพรเจียวกู้หลานจึงเหมาะกับการนำมาทานเพื่อเป็นสมุนไพรรักษาโรคหัวใจ




วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

โรคหัวใจเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว


โรคหัวใจนั้นเป็นโรคที่หลายคนกลัวเพราะหากเป็นแล้วจะต้องรักษาไปตลอดชีวิตและต้องดูแลตัวเองด้วยการทานของที่ดีต่อสุขภาพ บางคนที่รู้ตัวว่าเป็นก็ยังป้องกันได้ แต่กับบางคนที่ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเป็นโรคหัวใจก็จะไม่ทราบวิธีป้องกัน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดภาวะหัวใจวายได้ง่ายๆ ปัจจุบันมีผู้ป่วยหัวใจวายเฉียบพลันเพิ่มขึ้นเยอะมาก หากปล่อยไว้ไม่รับการรักษาจะทำให้อาการร้ายแรง บางส่วนของหัวใจที่ตายระหว่างหัวใจวาย ไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมหรือซ่อมแซมได้


โชคดีที่ว่าการใช้ยาสลายลิ่มเลือด หรือการรักษาโดยการเปิดหลอดเลือดหัวใจ เช่น การผ่าตัดสวนหัวใจ บ่อยครั้งการใส่ stent ซึ่งจะช่วยในการเปิดหลอดเลือดหัวใจหลังทำหัตถการ จะป้องกันโรคหัวใจวายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ยิ่งรักษาเร็วเท่าไหร่หลังจากเกิดโรค จะสามารถป้องกันและจำกัดความเสียหายต่อหัวใจได้ ยิ่งรักษาเร็วจะดีต่อคนไข้ มีโอกาสหายและฟื้นตัวได้เร็ว การรักษาจะมีประสิทธิภาพถ้าเริ่มรักษาในชั่วโมงแรกหลังพบอาการ ประโยชน์ของการผ่าตัดเปิดหลอดเลือดแดงหัวใจ จะลดลงตามเวลาที่ผ่านไปหลังจากเกิดอาการของโรค


สัญญาณบ่งบอกโรคหัวใจ                                              
หลายคนคิดว่าโรคหัวใจวายเป็นโรคร้ายแรงและเฉียบพลัน คิดว่าคนที่มีอาการของโรคหัวใจวาย คือ คนที่จับหน้าอกแล้วล้มลงไปนอนกับพื้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หลายๆครั้งที่โรคหัวใจจะเริ่มจากอาการแน่นตรงกลางหน้าอก ดังนั้นบางคนที่มีความรู้สึกไม่เหมือนกับอาการอย่างในหนังฮอลลีวู้ด จึงไม่แน่ใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด อาการแน่นหน้าอก(และอาการอื่นๆ) อาจเป็นๆหายๆ แม้แต่คนที่เป็นโรคนี้อาจไม่ตระหนักถึงสัญญาณอันตรายนี้ เพราะอาการต่อมาอาจมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง


สัญญาณเตือนโรคหัวใจวายเฉียบพลัน
แน่นหน้าอกโรคหัวใจวายส่วนใหญ่เกี่ยวกับอาการแน่นหน้าอก มักเกิดนานกว่า 23 นาที หรือเป็นๆหายๆ อาจรู้สึกเหมือนถูกกด บีบ และแน่นๆ ทำให้รู้สึกไม่สบาย อาการเกิดบริเวณส่วนบนของร่างกายรวมถึงการเจ็บบริเวณหลังแขนข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง คอ ขากรรไกร หรือ ท้อง หายใจสั้นลง มักเกิดตามอาการแน่นหน้าอก หรือเกิดก่อนอาการแน่นหน้าอกได้


ภาวะที่เสี่ยงต่อโรคหัวใจ

มีหลายคนคิดว่า โรคหัวใจวายเป็นปัญหาของผู้ชาย แต่โรคหัวใจวายคร่าชีวิตทั้งผู้ชายและผู้หญิง เป็นอันดับหนึ่งของอเมริกา ในผู้ชายความเสี่ยงเกิดโรคเริ่มตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป ส่วนในผู้หญิง มักเกิดกับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน (50 ปีขึ้นไป) ทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าที่กล่าวมา ก็มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจวายทั้งสิ้น นอกจากอายุแล้ว ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวายหรือสาเหตุของโรคหัวใจล้มเหลว มีประวัติหัวใจวายหรือผ่านการผ่าตัดขยายหลอดเลือดหัวใจ

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

รักษาโรคหัวใจด้วยการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของชีวิต



สำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจนั้นเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าคนปกติ เพราะอาจจะเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายแบบเฉียบพลันได้ ซึ่งการรักษาโรคหัวใจจะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ตลอด แต่ทว่าการใช้ชีวิตประจำวันก็สามารถรักษาโรคหัวใจได้เช่นกันหากปฏิบัติตัวอย่างถูกวิธี ซึ่งการเปลี่ยนวิถีชีวิตเล็กน้อยก็จะทำให้อาการของโรคหัวใจลดน้อยลง มีวิธีอะไรบ้างมาดูเลย

บริจาคเลือด
การบริจาคโลหิต ไม่เพียงผู้ให้ได้บุญกุศลที่สามารถต่อชีวิตให้กับบุคคลอื่นได้เท่านั้น แต่การบริจาคโลหิตยังส่งผลดีต่อร่างกาย และหัวใจของผู้บริจาคเองอีกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากการลดลงของระดับเม็ดเลือด จะช่วยกระตุ้นให้ระบบการเผาผลาญสารอาหารดีขึ้น และสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์

กิจกรรมบนเตียง
ในขณะที่เราตื่นเต้นมาก ๆ ฮอร์โมนความเครียดจำนวนมากมายในร่างกายของเรา จะถูกสั่งให้หลั่งออกมา ซึ่งจะส่งผลให้หัวใจเต้นแรงและเร็วโดยไม่จำเป็น แต่ในทางตรงกันข้ามการร่วมรักหรือการมีเพศสัมพันธ์ที่ดี จะช่วยให้เซลล์กล้ามเนื้อสามารถจัดการกับฮอร์โมนความเครียดเหล่านั้นได้ ผลดีที่ได้รับก็คือเราจะรู้สึกจิตใจสงบผ่อนคลาย และหัวใจเต้นช้าลง

พักสายตาในยามบ่าย
ข้อดีของการนอนหลับยามบ่าย นอกจากจะช่วยเติมพลังให้กับสมองที่อ่อนล้าแล้ว  ยังสามารถทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจดีขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้จากงานวิจัยยืนยันว่า เพียงแค่เราได้งีบหลับพักสัก 30 นาที ในตอนบ่าย ๆ ร่างกายของเราจะรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น เหมือนกับได้นอนหลับพักผ่อนสัก 2 ชั่วโมงในตอนกลางคืนเลยทีเดียว

เลิกบุหรี่ตัวการร้ายฆ่าหัวใจ
เนื่องจากนิโคตินซึ่งเป็นสารพิษตัวสำคัญในบุหรี่ ออกฤทธิ์ทำลายระบบการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด ประกอบกับคาร์บอนมอนอกไซด์ก๊าซพิษที่อยู่ในควันบุหรี่ จะเข้าไปแย่งที่ของออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับออกซิเจนน้อยลง อีกทั้งสารพิษบางตัวที่อยู่ในควันบุหรี่ยังทำลายการดูดซึมวิตามินบี 1, วิตามินซี และกรดอะมิโน ซึ่งจะส่งผลให้หัวใจอ่อนแอและก่อให้เกิดโรคหัวใจตามมา


จากหลักฐานการวิจัยพบว่าคนสูบบุหรี่ที่มีอายุระหว่าง 35-45 ปี มีอันตราการตายด้วยโรคหัวใจสูงกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ 3-4 เท่า นอกจากนี้ยังพบว่าทารกที่เกิดจากหญิงที่สูบบุหรี่จัด มักจะมีระบบการหายใจล้มเหลวอย่างเฉียบพลันในขณะแรกเกิด หรือที่เรียกว่า ทารกหลับตาย อย่างไรก็ดี หากทารกรอดชีวิตมาได้ก็จะมีสุขภาพไม่แข็งแรง มักเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคของระบบทางเดินหายใจ และอาจมีพัฒนาการทางสติปัญญาช้าลงอีกด้วย

อันตรายโรคหัวใจ ที่อาจเกิดขึ้นกะทันหัน




โรคหัวใจเป็นโรคที่อันตรายเพราะสามารถคร่าชีวิตได้ตลอดเวลาหากไม่ใส่ใจดูแลตัวเอง เชื่อว่าหลายคนเลยคิดว่าตัวเองมีสุขภาพดีทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังเป็นโรคหัวใจอยู่โดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นลองมาดูอาการผิดปกติว่าคุณเข้าข่ายเป็นโรคหัวใจหรือไม่ มีวิธีสังเกตยังไงบ้างมาดูกันเลย


1. เหนื่อยง่ายเวลาออกกําลังกาย เพราะหัวใจทําหน้าที่ในการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ขณะที่เราออกกําลังกาย หัวใจจะทํางานหนักมากขึ้น ปกติเวลาที่เราออกกำลังกายไปถึงระดับหนึ่งจะรู้สึกเหนื่อย แต่ในรายของคนที่มีอาการเริ่มต้นของ โรคหัวใจ แม้ออกกำลังกายเพียงเล็กน้อย จะรู้สึกเหนื่อยผิดปกติอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้นหากออกกำลังกาย แล้วรู้สึกเหนื่อยง่ายผิดปกติ อาจเป็นข้อบ่งชี้ได้ว่า คุณอาจเป็นโรคหัวใจ


2. รู้สึกเจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก มักพบบ่อยในคนที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และไขมันอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ อาการดังกล่าวจะมีลักษณะเฉพาะคือ รู้สึกเหมือนหายใจอึดอัด และแน่นบริเวณกลางหน้าอก เหมือนมีของหนักทับอยู่ หรือรัดไว้ให้ขยายตัวเวลาหายใจ โดยมากอาการนี้ จะแสดงออกเวลาที่หัวใจต้องทำงานหนัก เช่น ระหว่างการออกกำลังกาย หรือใช้แรงมากๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่า อาจเป็นโรคหัวใจ


3. ภาวะหัวใจล้มเหลว เกิดจากการที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างของร่างกายได้อย่างเพียงพอ โดยผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเหนื่อย ทั้งที่ออกกำลังกายเพียงนิดหน่อย หรือเหนื่อยทั้งที่นั่งอยู่เฉยๆ ในกรณีที่เป็นมาก อาจทำให้ไม่สามารถนอนราบได้เหมือนปกติ เพราะจะรู้สึกเหนื่อยเวลาหายใจ และอึดอัดตรงหน้าอก นอกจากนั้น อาจมีอาการหอบจนต้องตื่นขึ้นมาหอบกลางดึกอีกด้วย อาการภาวะหัวใจล้มเหลวนี้ หากไม่รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้


4. เป็นลมหมดสติบ่อย คืออีกหนึ่งอาการที่เตือนว่าคุณอาจเป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ซึ่งมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นลมหมดสติสูง เนื่องจากจังหวะการเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ เพราะเซลล์ซึ่งทำหน้าที่ให้จังหวะไฟฟ้าในหัวใจเสื่อมสภาพ ส่งผลให้หัวใจเต้นช้าลง และส่งเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จนทำให้เป็นลมไปชั่วคราวได้ ทั้งนี้ การเป็นลมหมดสติ มักจะเกิดในท่ายืนมากกว่านั่ง ทำให้ขณะล้มลงศีรษะมีโอกาสฟาดพื้น และเกิดการกระทบกระเทือนต่อสมองได้มากกว่า ดังนั้น ใครที่เป็นลมบ่อยๆ ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็น โรคหัวใจได้ หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ในกรณีนี้มักเกิดจากความผิดปกติของ ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือที่รวดเร็ว อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

กระเทียมสุดยอดสมุนไพรรักษาโรคหัวใจ


 เรื่องปัญหาสุขภาพโดยเฉพาะโรคหัวใจเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากๆ โดยสำหรับในประเทศไทย อ้างอิงจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติแสดงให้เห็นถึงสถิติที่น่าตกใจ  โดยโรคหัวใจนั้นเป็นสาเหตุการตายของประชากรไทยอันดับต้นๆ เลยทีเดียว  เพราะเนื่องจากว่าเป็นโรคที่มีสาเหตุจากหลอดเลือดหัวใจตีบตันเข้ามาเกี่ยวข้องจึงนำพาไปสู่โรคหัวใจในที่สุด


โดยภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบนี้ มีสาเหตุมาจากในระดับไขมันเลว หรือที่เรียกว่า LDL low-density lipoprotein อยู่ในขั้นสูงกว่าค่าปกติมาก และประกอบกับเซลล์บุผนังหลอดเลือดนั้นมีความปกติที่เกิดจาก plaque หรือเรียกอีกอย่างว่าก้อนเกาะผนังหลอดเลือดนั้นเอง จึงทำให้หลอดเลือดค่อยๆ แข็งและตีบตันง่าย เลยทำให้การส่งเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจมีน้อยลง และปริมาณออกซิเจนที่ได้รับไม่เพียงพอต่อความต้องการของกล้ามเนื้อหัวใจ จึงให้เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดตามมา


ในส่วนของสมุนไพรรักษาโรคหัวใจก็มีหลายชนิดด้วยกัน แต่เด่นๆ เลยนั่นคือกระเทียม  เรียกว่าเป็นอาหารและสมุนไพรที่มีการใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ ปู่ยาตายายมักนำมาทำเป็นสมุนไพรยาอายุวัฒนะ ซึ่งตำรายาจีนระบุเอาไว้ว่ากระเทียมมีฤทธิ์ร้อนและเผ็ด โดยช่วยในเรื่องการเจริญอาหาร ช่วยขับลมในลำไส้ แก้โรคบิด แก้โรคไอ กลากเกลื้อน และกระเทียมยังสามารถช่วยลดระดับไขมันเลวในเลือดได้อีกด้วย ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และช่วยเพิ่มระดับของไขมันชนิดดี ให้มีมากขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคระบบหลอดเลือดหัวใจ


ทั้งนี้ปริมาณกระเทียมที่แนะนำให้ทานเพื่อเป็นสมุนไพรรักษาโรคหัวใจ นั่นคือกระเทียมสด 2-5 กรัมต่อวัน สามารถโดยรับประทานพร้อมอาหารเพื่อลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ เวลารับประทานให้บดกระเทียมให้ละเอียดเสียก่อนจะได้ทานง่ายๆ และนำรับประทานทันที แต่ทั้งนี้ข้อเสียจากการรับประทานกระเทียม นั้นคือมีกลิ่นปากแรง แต่ก็สามารถจัดว่าเป็นสมุนไพรรักษาโรคหัวใจได้ดีทีเดียว